เริมอันตรายต่อแม่และลูกแค่ไหน

Q เป็นเริมอันตรายต่อแม่และลูกแค่ไหนคะ

เริมเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีกี่ประเภท

โรคเริมเกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า HSV ซึ่งมี 2 สายพันธุ์คือ 1 และ 2  เชื้อ HSV -1 เกิดตุ่มน้ำใสๆที่บริเวณริมฝีปาก ส่วนเชื้อ HSV -2 จะเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ การติดต่อจะติดทางการสัมผัสหรือปนเปื้อนน้ำลายที่มีเชื้อโรคอยู่ ระยะฟักตัวประมาณ 2-10 วัน ถ้ามีการติดเชื้อ บางคนอาจจะไม่มีอาการใดๆเลย แต่ยังคงมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัว สามารถติดต่อไปถึงคนอื่นได้ แต่บางคนอาจจะเริ่มแสดงอาการคล้ายมีไข้ต่ำ ปวดเมื่อยตามตัว และมีตุ่มน้ำใสเกิดขึ้น จากนั้นตุ่มน้ำจะแตกออก คนไข้จะรู้สึกแสบๆคันๆก่อน ค่อยรู้สึกเจ็บแสบเป็นแผล โดยเฉพาะการติดเชื้อครั้งแรก จากนั้นเชื้อไวรัสจะไปซ่อนตัวอยู่ในระบบประสาท และเมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเข้ามาในกระแสเลือด ทำให้มีอาการตุ่มน้ำขึ้นมาใหม่ แต่ความรุนแรงจะน้อยกว่าครั้งแรก

เริมสามารถติดต่อจากแม่ไปสู่ลูกได้หรือไม่

หาก คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ติดเชื้อเริม จะทำให้ลูกในท้องติดเชื้อไปด้วย เด็กในครรภ์อาจจะเกิดการแท้ง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ระบบประสาทถูกกระทบกระเทือน แต่ถ้าให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้ทัน ก็จะลดปัญหาของเชื้อจากแม่ไปสู่ลูกได้ การติดเชื้อของแม่ไปสู่ลูกในครรภ์ ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงคลอดแล้วมีตุ่มน้ำพอดี แต่โอกาสที่เชื้อเริมจะผ่านจากรกไปสู่ลูกเกิดได้แค่ 5% อาจ จะเข้าไปทำลายอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น ตับ ตา ถ้าหากการติดเชื้อแพร่กระจายไปอวัยวะสำคัญๆทั่วร่างกายเด็ก ก็อาจจะทำให้เด็กมีการเสียชีวิตในครรภ์ หรือมีน้ำเดินก่อนกำหนดจนมีการคลอดก่อนกำหนดตามมา

วิธีดูแลและรักษา

การ ดูแลและการวินิจฉัย เริ่มจากการซักประวัติคุณแม่ตั้งครรภ์และคู่สมรสว่าเคยเป็นเริมมาก่อนหรือ ไม่ หากมีอาการที่น่าสงสัย การดูลักษณะตุ่มน้ำ การขูดหาเชื้อบริเวณก้นแผล การตรวจเลือดจะช่วยวินิจฉัยเริมได้ การรักษาคือ ให้ยาต้านไวรัส 5-10 วัน ตามระยะเวลาของโรค (ยาต้านไวรัสเป็นยาที่ปลอดภัยต่อคนท้อง) จากนั้นรอจนอายุครรภ์ครบกำหนด 36 สัปดาห์ ค่อยเริ่มให้ยาต้านไวรัสอีกครั้ง เพื่อลดจำนวนเชื้อไวรัสที่อาจจะแอบซ่อนอยู่บริเวณปากมดลูกและช่องคลอด มิฉะนั้นถ้าปล่อยให้เด็กคลอดเองทางช่องคลอด เด็กก็จะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเริมตั้งแต่คลอดได้

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ แม่และเด็ก จาก Real Parenting Magazine